ซึ่งผมได้เขียนไว้สักระยะแล้ว แต่คราวนี้เอาเรื่อง แบตเตอรี่ ตรงๆ เลยให้ใช้กันได้ยาวๆ ไปเลยเพราะซื้อมาแล้วไม่ใช้บาท 2 บาท
เหตุที่ผมเขียนเรื่องนี้เพราะว่า หลังจากที่ที่ทราบข่าวว่าน้องสาวเพื่อนแฟนผมเป็นมะเร็ง
ผมเลยเกลงว่าเราจะเป็นด้วยเพราะว่ามีอาการคล้ายๆ กัน
เข้าเรื่องกันเลย
แบตเตอรี่รถยนต์
เราเป็นคนใช้รู้แค่เบื้องต้นพอก็คือมันมีอยู่ 3 อย่างหลักๆ คือ
- สิ่งที่เราเห็นกันคือ ไอ้เจ้าพลาสติกที่เราเห็นเป็นรูป 4 เหลี่ยมที่เราเรียกมันว่าแบตเตอรี่แหละครับ เป็นเหมือนกล่อง 1 ใบ
- แผ่นธาตุ ที่อยู่เข้าใน
- น้ำกรด
เจ้ากล่องพลาสติกเราทำได้แค่ทำความสะอาดมันเท่านั้นครับ หรือไม่ก็จะทำให้มันอยู่อย่างสุขบายมากขึ้น ก็จะมีชุดป้องกันความร้อนแบตติดรถยนต์ที่ออกมาจากโรงงานผมว่ามันจะมีมาให้ครับ เพื่อป้องกันความร้อนจากเครื่องยนต์ซึ่งจะทำให้มันบวมหรือเสียหายได้ในระยะยาวครับ เราช่วยกันความร้อนให้มันมากเท่าไหร่ได้มันก็จะดีถูกหรือเปล่าครับ
ส่วนข้อ 2 แผ่นธาตุ
มันจะธาตุอะไรชั่งมันเถอะครับหรืออยากจะรู้ก็หาอ่านเอาคงมีหลายที่บอกอยู่ ส่วนสำหรับผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากสังเกตุว่ามันจะลาจากเราไปเมื่อไหร่เท่านั้นครับ อ่อลืมไปเราจะช่วยมันได้ก็ทางอ้อมๆ อ่านต่อไปครับซึ่งมันจะเกี่ยวกันกับแผ่นธาตุครับ
ส่วนข้อ 3 น้ำกรด
ผมให้ความสำคัญกับข้อนี้มากที่สุดครับเพราะมันเป็นตัวเก็บกระแสไฟ ฉะนั้นหากน้ำกรดผิดไปจากมาตรฐานที่ควรจะเป็นก็ส่งผลให้เกิดผลต่างๆครับเช่นเก็บไฟไม่อยู่หรือชาร์ไม่เข้าอะไรประมาณนั้น
หนทางแก้ไขสำหรับผมคือทำให้น้ำกรดเป็นไปตามมาตรฐานซะ โดย
กรณีปกติ
คือเราก็เติมน้ำกลั่นให้ตามระดับที่เค้ากำหนดครับ
ตรวจสอบไดชาร์ทให้ทำงานปกติ เพราะถ้ามันไม่ปกติ จะส่งผลกับแบตของเรา เช่น
ถ้ามันไม่ตัด มันก็จะชาร์ทไฟเข้าแบตเราตลอดทั้งๆ ที่ไฟเต็มแล้วก็ตาม ทำให้แบตมันร้อนและเสียหายได้
ถ้ามันชาร์ทไม่พอ คือไดชาร์ททำงานสร้างกระแสไฟไม่พอสำหรับการใช้งาน เพราะรถต้องใช้ไฟในการจุดระเบิดและเครื่องใช้อื่นภายในรถร่วมทั้งชาร์ทไฟให้กับแบตด้วย หากเกิดมันมีปัญหาดังกล่าว ผลก็คือตอนเช้าคุณก็จะติดเครื่องไม่ได้นั้นเอง
ปัญหาดังกล่าวจะตรวจสอบได้ง่ายไม่ยากนัก
ตามลิ้งได้บนที่ให้ไว้
ประโยชน์จากเกจวัดโวลต์
เพราะที่จะให้ความสำคัญกับไดชาร์ท เพราะมันส่งผลกับแบตเลยต้องกล่าวเพิ่มเติม ถ้าคุณไม่ได้ดูแลไดชาร์ทเท่ากับว่าคุณก็ไม่ดูแลแบตเตอรี่รถยนต์ด้วยเช่นกัน
ไดชาร์ท ควรจะมีแรงดันไฟ( V.) ที่พอที่จะชาร์ทได้
คือยังไงก็ควรมากกว่า 12V. ถูกต้องเปล่าครับ เพราะแบตมันก็ 12V. มันเท่ากันแล้วไฟจะชาร์ทเข้าได้อย่างไร เปรียบเสมือนท่อยางและทั้ง2ด้านต่อกับเข็มฉีดยา สมมุติทางซ้ายมีน้ำอยู่นิดหน่อย ทางขวามีอยู่เต็มและออกแรกดันทั้ง2ข้างพร้อมกันเท่าๆ กันคุณคิดว่าน้ำมันจะเครื่องที่ได้หรือไม่?????? มันก็ไม่ได้ถูกต้องเปล่าครับ
เพราะฉะนั้นแรงดันมันต้องมากกว่า 12V. คือ 13.5แต่ไม่ควรเกิน 15V. เพราะถ้ายิ่งมันไฟมันมาเร็วก็จะทำให้แบตร้อนซึ่งจะทำให้ทุกอย่างเสื่อมสภาพไว้ขึ้น
ต่อมาก็ต้องดูว่ามีไฟชาร์ทให้กับแบตพอหรือไม่
คราวนี้ต้อมีเครื่องมือเข้ามาช่วยครับคือ amp มิเตอร์ ขอพูดตามร้านทั่วไปคุณจะเห็นเค้าทำเป็นกล่องและมีสายหนีบที่แบตและก็ที่สายไฟที่มาจากไดชาร์ทเพื่อดูว่ามีไฟชาร์ทเข้าแบตพอหรือไม่ครับ
รายละเอียดเดี๋ยวจะเขียนให้ละเอียดอีกทีครับ
จากที่กล่าวมาเป็นการดูแลที่เราพอจะทำได้โดยทั่วๆ ไป
หลังจากนี้เป็นจุดสำคัญที่ไม่ค่อยมีคนพูด ไม่ค่อยมีคนบอก ถึงแม้แต่ร้านขายแบต ร้านซ่อมไดร์ทก็ไม่ค่อยพูด แต่ผมขอบอกเพื่อที่ความรู้นี้จะได้อยู่กับคนที่อ่านต่อๆไป ครับเผื่อผมตายไปดีกว่าสิ่งที่ผมรู้มันตายไปกับผมคือ
น้ำกรดที่อยู่ในแบตถ้าคุณตรวจสอบได้ว่ามันมีความถ่วงจำเพาะ เป็นไปมาตรฐานหรือไม่ก็จะทำให้แบตเก็บไฟได้หรือไม่ได้หรือไม่ดีเท่าที่ควร
อันนี้ต้องหาซื้อมาใช้ครับเป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่คนรักรถควรจะมีครับ
คือ ไฮโดรมิเตอร์
หมดเวลาพิมพ์แล้วเดี๋ยวมาพิมพ์ต่อครับต้องไปทำหน้าที่สามีก่อน