วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

เรื่องราวความรู้เกี่ยวกับยางรถยนต์

เรื่่่องราวความรู้มากมายเกี่ยวกับยางรถยนต์ ที่คุณๆควรรู้...สามารถดูรายละเอียดได้ใน Tire Knowledge
ยางสำหรับรถยนต์นั่งและรถกระบะ
รู้จักกับโครงสร้างและส่วนประกอบของยางรถยนต์
หน้าที่สำคัญ 4 ประการของยาง
ดอกยาง
ดอกยางกับร่องยางทำหน้าที่ต่างกัน
แก้มยาง ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของยาง
ตัวเลขและสัญลักษณ์บนแก้มยาง
คุณรู้หรือไม่ จุดสีเหลืองและจุดสีแดงบนแก้มยางมีความหมายอย่างไร
การเปลี่ยนขนาดยาง
ดัชนีการรับน้ำหนัก
ปัจจัยที่มีผลต่อการสึกหรอของยาง
สัญลักษณ์แสดงขีดจำกัดความเร็ว
อายุการใช้งานของยาง
ยางสำหรับรถบรรทุกและรถโดยสาร
คุณสมบัติของยางเรเดียลเส้นลวด
ยางเรเดียลเส้นลวดกับยางผ้าใบธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร
ยางเรเดียลเส้นลวดแบบใช้ยางในและ แบบไม่ใช้ยางใน แตกต่างกันอย่างไร
ยางหล่อดอกคืออะไร
วิธีการดูแลรักษายางสำหรับรถบรรทุก และรถโดยสาร

ที่มาจาก
http://www.bridgestone.co.th/th/tire_safety/tire_safty_knowledge.aspx

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์จากเกจวัดโวลท์

ประโยชน์จากเกจวัดโวลท์   
ใช้วัดพลังงานแบตเตอรี่รถยนต์ว่าเหลือ เท่าไหร่ เหมาะกับรถที่ติดเครื่องเสียง หรือรถยนต์ทั่วไปเพื่อบอกสถานะไฟแบต ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงที่จะต้องเข็นรถเนื่องจากสตาร์ทไม่ติด เนื่องจาก แบตเตอรี่สมัยนี้มักไม่ค่อยทนและไม่บอกพลังไฟที่เหลือ พอไฟหมดก็สตาร์ทไม่ติดเลย ตัวมิเตอร์สามารถช่วยบอกสถานะได้เป็นอย่างดี ใช้เพื่อเช็คดูประสิทธิภาพและกำลังไฟของแบตเตอรี่เพื่อไม่ให้ เกิดปัญหาในการใช้งาน หรือสตาร์ทไม่ติด

วิเคราะห์ระบบไฟฟ้าในรถจากค่าที่อ่านได้จากโวลท์มิเตอร์
- ขณะดับเครื่องค่าควรอยู่ประมาณ 12-12.8 โวลต์ ถ้าต่ำกว่า 12 ถือว่าผิดปกติอาจมีสาเหตุมาจากแบตเตอรี่เริ่มเสื่อม (เก็บไฟไม่อยู่) หรือไดชาร์จชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่ (ดูในหัวข้อการตรวจสอบไดชาร์จ)

- วิธีตรวจสอบว่าแบตเสื่อมหรือไม่ทดสอบได้โดยหลังจากขับรถปกติมาจอดและดับ เครื่องประมาณ 1 นาที ค่าที่อ่านจากมิเตอร์ต้องมีค่าระหว่าง 12-12.8 โวลต์ หลังจอดไว้ (4-6ชั่วโมง) หรือข้ามวันค่าที่อ่านได้ต้องประมาณ 12-12.8 โวลต์ เท่าเดิมถือว่าปกติ ถ้ามีค่าต่ำกว่านี้มากๆ เช่น 11.5-11.9 แบตเตอรี่เริ่มเก็บไฟไม่อยู่แต่ยังพอไหว แต่ถ้าต่ำกว่า 11.5 โวลต์ ลงไป ถือว่าอันตรายเพราะถ้าจอดทิ้งสัก 2 วันอาจสตาร์ทไม่ติด (ถ้าอายุแบตเตอรี่ยังใหม่ก็อาจจะเกิดจากมีกระแสไฟฟ้า รั่วลงกราวด์ แนะนำเข้าร้านให้ช่างไฟฟ้ารถยนต์ตรวจสอบครับ) ***อายุแบตเตอรี่ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 18-24 เดือน แล้วแต่การดูแล***


การตรวจสอบไดชาร์จจากการอ่านค่าจากมิเตอร์ ให้ทำการติดเครื่องยนต์แล้วอ่านค่าจากโวลต์มิเตอร์ค่าปกติได้ดังนี้

1. ที่รอบเครื่องยนต์ 1000 รอบต่อนาที (รอบเดินเบา) จะต้องมีค่าประมาณ 13.5-13.8 โวลต์ ถ้ามีค่าต่ำกว่านี้เช่น 12.8-13.4 โวลต์ ไดชาร์จเริ่มมีปัญหาคือชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่ ถ้าต่ำกว่า 12.8 โวลต์ แสดงว่าไดชาร์จไม่ชาร์จกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอริ่ และถ้าต่ำกว่า 12 โวลต์ ถือว่าขณะนั้นระบบไฟฟ้าในรถดึงกระแสไฟฟ้าแบตเตอรี่มาใช้งานเพียงอย่างเดียว ให้ทำการตรวจซ่อมไดชาร์จ

2. ที่รอบเครื่องยนต์ 2000-2500 รอบต่อนาที จะต้องมีค่าประมาณ 13.8-14.7 โวลต์ อาจมากกว่านี้ได้เล็กน้อยแต่ต้องไม่เกิน 15 โวลต์ ถ้ามากกว่า 15 โวลต์ อาจมีสาเหตุมาจากเรกกูเตอร์ (วงจรควบคุมแรงดันของไดชาร์จ) อาจมีปัญหา ผลเสียคือแบตเตอรี่อาจเสื่อมเร็วเพราะถูกชาร์จด้วยแรงดันที่สูงเกิน ทำให้เกิดความร้อนสูงในแบตฯ ถ้าร้อนมากๆจะทำให้น้ำกลั่นเดือดได้

วิธี ทดสอบว่าไดชาร์จจ่ายกระแสเพียงพอหรือไม่
สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้ ทำตามข้อ 1 และ 2 แล้วทำการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทุกอย่าง เช่น ไฟหน้า,แอร์,ที่ปัดน้ำฝน,เครื่องเสียง ฯลฯ แรงดันที่วัดได้ต้องเหมือนกับค่าปกติในข้อ 1 และ 2 ถ้าค่าที่วัดได้ตกลงมาก แสดงว่าไดชาร์จจ่ายกระแสไม่พอ อาการนี้อาจไม่เกิดขึ้นกับรถเดิมๆ แต่จะมีผลในรถที่ติดตั้งเครื่องเสียงแรงๆ ผลเสียคืออาจทำให้ไดชาร์จทำงานตลอดเวลาทำให้อายุการใช้งานต่ำลง

ข้อมูลได้จาก DIY วิธีติดตั้งเกจวัด Defi BF Volts ไต้หวัน สำหรับวัดกระแสไฟฟ้าในรถ

ณ 4 มี.ค. 58
                  จากการใช้งานจริงมีข้อมูบไม่ตรงกันในเรื่อวิธีทดสอบว่าได้ชาร์จจ่ายกระแสเพียงพอหรือไม่นั้น
จากข้างต้นที่โพรสไว้ วันที่ 24 ม.ค. 56 คือ
ด้วยที่ผมได้เปลี่ยนแผงสวิทซ์แอร์

ได้ทำการเพิ่งวัดโวลท์ไว้ 2 จุด ทำให้ทราบว่าไดชาร์ททำงานนั้นจุดวัดอีกจุดคือที่ขั้วบวกแบตโวลท์จะตกลงส่วนในทางทฤษฎีข้อให้ผู้รู้ตอบนะครับผมผู้ใช้งานแบบบ้านๆ แค่แบ่งปันข้อมูลครับ ดังนั้น
                   ทำให้โวลท์ที่ขั้วไดชาร์จ กับขั้วแบตจะต่างกันส่วนไดชาร์จจ่ายกระแสพอไม่พอคงต้องไปวัดที่การจ่ายกระแสไม่ใช่ที่แรงดัน(โวลท์) แต่โวลท์ช่วยบ่งบอกได้ว่าแบตเต็มหรือไม่ดูที่แรงดัน (โวลท์) เพราะมันเต็มแล้วก็จะใกล้เคียงกับแรงดันที่จ่ายมาครับ คือจากการสังเกตว่าผมได้เปิดพัดลมแอร์ไว้ ทำให้ใช้ไฟจากแบตตั้งแต่เช้าถึงเย็นไฟย่อมต้องลดลงครับ นั้นทำให้ผมสังเกตโวลท์ทั้ง 2 จุด ต่างกันผิดปกติ และจากการขับรถไปก็สังเกตไปพบว่าโวลท์ค่อย ๆ ขึ้นที่ละ 0.1 แต่ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงนะครับที่จะขึ้น 0.1 โวลท์ และถ้าแบตเต็มจะใกล้เคียงกันต่างกันประมาณ 0.2 โวลท์ ครับ แต่ก็ยังไม่รับรองว่าที่ผมอภิบายในครั้งนี้ถูกต้องนะครับ เพราะผมก็ไม่ได้เรียนจบทางด้านไฟฟ้าครับ แต่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนใช้รถไม่มากก็น้อยครับ
                   ส่วนตามรูปที่เห็นก็จะต่างกันอยู่ 0.2 โวลท์ แต่ถ้ามีโหลดเพิ่มขึ้นเช่น เปิดแอร์ โวลท์ที่แบตจะตกลงไปอีกเพราะน่าจะเกิดจากแรงดันตรงจุดนั้นได้ลดลงเพราะวิ่งไปยังโหลดพร้อมทั้งเป็นไปตามลักษณะของไฟฟ้ากระแสตรง ที่ยิ่งสายยาวๆ จะทำให้โวลท์ตกลงครับ
จำได้แค่นี้ครับ จบแบบนี้แล้วกัน

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ชื่อของรถผม

Nissan Sanny B11 คันนี้ ผมให้ชื่อว่า Syndy ครับ ไม่มีอะไรมากแค่น่ารักและมันอดทนให้ผมใช้งานมาได้จนถึงวันนี้ อึดเหมือนแฟนผมครับ 5555 แฟนผมสุดยอดครับงานหนักงานเบาเอาหมดเพื่อครอบครัวครับ เช่นกับรถคันนี้ไม่นึกว่าจะพาครอบครัวผมไปถึงกระบี่ได้ แต่ Syndy ทำให้เห็นว่า มันถึงจะเก่าแต่ก็พาพวกเราไปไหนต่อไหนได้เสมอ และก็ไม่ค่อยเกเร สักเท่าไหร่แค่ต้องการดูแลตามปกติ ซึ่งบางอย่างยังไม่ได้ทำให้ Syndy แต่ก็ยังอดทนรอต่อไปได้ตลอด มีหลายรายการที่ต้องเปลี่ยนแต่ยังไม่เปลี่ยนเค้าก็พาเราและครอบครัวไปได้ตลอด